การเมืองไทย










VS




เป็นการต่อสู้ในเส้นทางของวงจรอุบาตที่ไม่มีวันสิ้นสุด

เห้ออออ ถอนหายใจแล้วก็ถอนหายใจอีก

การเมืองไทยเมื่อไรจะได้เป็นการเมืองไทยที่สมบูรณ์เสียที

หวังว่าการเมืองไทยจะฟื้นฟูในอนาคตเมื่อรถึงรุ่นพวกเรา



ล้อการเมือง(มันก็คือความจริงนั้นแหละมั้ง)







วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

“พันธมิตรฯ” ยื่น "ปธ.วุฒิฯ" ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ ฐานจงใจขัด รธน.



แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ต่อ ปธ.วุฒิบ่ายนี้ ฐานจงใจขัด รธน.แถลงการณ์ร่วมปราสาทพระวิหาร ก่อนล่า 20,000 รายชื่อ พร้อมเรียกร้อง “ปองพล” แสดงสปิริตด้วยการลาออก

วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา เวลา 14.00 น. วันที่ 11 ก.ค. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายศิริชัย ไม้งาม เข้าพบนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาเพื่อแสดงตนเบื้องต้นใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 เพื่อถอดถอนคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้งคณะ

“เมื่อแสดงตนเสร็จ จะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 20,000 รายชื่อ หากรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ก็จะถอดถอนเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าร่วมประชุมและมีมติในวันดังกล่าว” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีควรมีมติไม่ยอมรับมติคณะกรรมการมรดกโลก กรณีคณะกรรมการร่วม 7 ประเทศ ที่เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร เพราะหากยอมรับมติดังกล่าวเท่ากับยอมรับการดูแลดินแดนที่เป็นอธิปไตยของไทย เพราะองค์กรดังกล่าวไม่เหมือนกับคำพิพากษาของศาลโลก ที่ไทยได้สงวนสิทธิ์ในการโต้แย้งไว้ และจะทำให้กลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ และอยากให้ นายปองพล อดิเรกสาร รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ด้วยการลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เพื่อเป็นการแสดงสปิริต

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช ที่เห็นชอบให้นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปลงนามในเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่า เป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน แต่คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกลับมิได้ดำเนินการ แม้มีเสียงคัดค้านจากสังคมก็ตาม นอกจากนี้ การดำเนินของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร ยังเป็นไปแบบเร่งรีบ ปกปิด และไม่โปร่งใส จนเปิดช่องและเอื้อประโยชน์ ให้รัฐบาลกัมพูชาสามารถขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกแต่เพียงฝ่ายเดียว จนเป็นผลสำเร็จท่ามกลางความผิดหวังของประชาชนคนไทย ดังนั้นเมื่อพิจารณาพฤติการณ์การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นการดำเนินการที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 270

“พฤติการณ์ทั้งหมดของรัฐบาลจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งแกนนำจึงขอแสดงตนต่อประธานวุฒิสภาเป็นผู้ริเริ่มขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 164 เพื่อให้วุฒิสภา มีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270 ออกจากตำแหน่งต่อไป ทั้งนี้ที่ยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทั้งคณะ รัฐมนตรีที่ไม่ได้ร่วมประชุมครม.เพื่ออนุมัติการไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการประชุมครม.วันที่ 17 มิถุนายน ก็ต้องไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ป.ป.ช.พิจารณาเอง และในวันเสาร์-อาทิตย์ นี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะรวบรวมรายชื่อให้ครบ 20,000 ชื่อ เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาภายในวันที่ 15 กรกฎาคม เวลา 13.00 น.

ด้านนายประสพสุข กล่าวว่า เมื่อยื่นรายชื่อมาก็จะตรวจสอบ โดยจะส่งไปที่ฝ่ายทะเบียน กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย และ กกต.ตรวจสอบความถูกต้องต่อไป จากนั้นก็จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอน

จากนั้นนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่นายสมัคร ประกาศจะไม่ยุบสภาและไม่ลาออกว่า เป็นเรื่องที่นายกฯไม่คำนึงถึงจริยธรรมทางการเมือง ปกตินักการเมืองทั่วโลกเมื่อมีข้อมูลออกมาแบบนี้จะแสดงสปิริตลาออก แต่นักการเมืองไทยไม่มีจิตสำนึก พันธมิตรฯจึงดำเนินการถอดถอนและดำเนินคดีอาญา การที่รัฐบาลและรมว.ต่างประเทศดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญ จึงถือว่านิติกรรมเป็นโมฆะ เหมือนกรณีนาย ไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรมว.สาธารณสุข ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ก็ถือว่าเป็นโมฆะตั้งแต่รับตำแหน่ง กรณีนี้ก็เช่นกัน การไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมจึงเป็นโมฆะ ทั้งนี้ปราสาทพระวิหารเป็นของไทย และไทยสามารถเอาคืนได้ตลอด แต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายนพดล ไปสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารที่ฝรั่งเศส จากนั้นก็มาขอมติครม.เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน และวันที่ 18 มิถุนายน จึงไปลงนามในแถลงการณ์ร่วม เป็นการผิดซ้ำซาก แล้วยังมายืนยันว่าไม่ได้ทำผิดหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถือว่าไม่รู้จักถูกผิดชั่วดี เหมือนไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า นายกฯอ้างว่า ลาออกแล้วจะเป็นสุญญากาศทางการเมือง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การลาออกทำได้ และไม่ได้ติดล็อกอะไร เรื่องนี้มีทางออกตามกลไกอยู่แล้วโดยมีคนใหม่ไปทำหน้าที่ได้ สุญญากาศเกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ และถ้าไม่มีรัฐบาลนี้ประเทศชาติก็ยังเดินหน้าไปได้และจะเจริญยิ่งกว่า เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายรัฐบาลมีท่าทีเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พันธมิตรฯจับตาดูอยู่แล้ว และถ้าดำเนินการพันธมิตรฯก็จะต่อต้านจนถึงที่สุด ทั้งนี้ก่อนหน้านี้กรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาจำนวนกว่า 160 คน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 50 พันธมิตรฯได้รวบรวมรายชื่อประชาชนยื่นถอดถอนไปแล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของป.ป.ช.ถ้ามีการชี้ว่ามีมูล สมาชิกจำนวนดังกล่าวก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคงไม่ทันที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่า จะเปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เปิดไปเลย ขอให้รีบพูดในรายการสนทนาประสาสมัครในวันอาทิตย์ ไหนๆ จะโดนดำเนินการอยู่แล้ว ไม่แน่อาทิตย์นี้นายกฯ อาจได้พูดเป็นครั้งสุดท้าย


แหล่งที่มา :
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000081687

2 ความคิดเห็น:

Cats-Society กล่าวว่า...

สำหรับผมแล้ว ผมค่อนข้างเข้าข้างฝ่ายพันธมิตรนะคับ

เหมือนว่าเค้ารู้เท่าทันการจะโกงชาติบ้านเมือง ของคนกลุ่มนึง

แต่ไม่มั่นใจว่า กลุ่มพันธนมิตรทำไปเพราะผลประโยชน์หรือเพราะประเทศชาติกันแน่คับ

5131601384 กล่าวว่า...

จากบทความ ""“พันธมิตรฯ” ยื่น "ปธ.วุฒิฯ" ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ ฐานจงใจขัด รธน.""

คิดว่า นายปองพล อดิเรกสาร ควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก จากตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก

และการที่รัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช ที่เห็นชอบให้นายนพดล ปัทมะ ไปลงนามในเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน เป็นการ ไม่ เหมาะสมเปนอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าควรได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนเพื่อใม่ให้เกิดช่องว่างทางการเมือง และทำให้ มีความโปร่งใสมากขึ้นอีกด้วย